คุณย่าเลี้ยงหลาน เด็กทารกอายุ 4 วัน ด้วยกล้วยน้ำว้าสุกดีหรือไม่?

จากกระแสที่มีการออกมาเตือนเกี่ยวกับคุณย่าท่านหนึ่ง ซึ่งใช้วิธีการเลี้ยงหลานที่เพิ่งจะอายุได้เพียงแค่ 4 วัน หลังคลอด ว่ายังไม่ควรให้เด็กทารกแรกเกิดรับประทานกล้วยน้ำว้าสุก และคุณย่าก็ได้ให้คำตอบกลับมาตามทฤษฎีของต้นตำรับชาวไทยโบราณคือ
1.กล้วยน้ำว้าสุก จะช่วยเคลือบกระเพาะและลำไส้ ของเด็กทารกแรกเกิด
2.กล้วยน้ำว้าสุก จะมีวิตามินที่บำรุงเยื่อสมอง
3.คุณย่าเคยเลี้ยงเด็กมาก่อน รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 8 คน
4.ทั้ง 8 คนที่คุณย่าเลี้ยงมานั้น เป็นเด็กเรียนดี สมองดี สุขภาพแข็งแรง
5.สูตรการเลี้ยงของคุณย่า เป็นตำรับการเลี้ยงแบบโบราณ
6.ช่วยให้เด็กกินอิ่ม นอนหลับได้นาน
7.ต้องใช้กล้วยสุกเกือบงอม แล้วเอาช้อนขูดกล้วย แค่บางๆ (1ใน4ช้อนโต๊ะ)

หลังจากนั้นก็มีคำเตือน คำถาม และคำตอบมากมายเกี่ยวกับเคล็ดลับวิธีในการเลี้ยงเด็กทารก โดยเฉพาะเด็กทารกแรกเกิดวัยไม่เกิน 1 สัปดาห์นั้น ควรจะกินอะไรถึงจะมีความปลอดภัยและดีต่อสุขภาพของเด็กมากที่สุด

ป้าหมอสุธีรา (แพทย์หญิง สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ) กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด
และคุณแม่ลูกสองที่เปิดเพจเฟสบุ๊คเพื่อแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับแม่และเด็กที่ถูกต้อง ซึ่งตอนนี้เพจมีผู้คนถูกใจคอยเฝ้าติดตามไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน ได้ออกมาอธิบายและให้ความรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่เหมาะสมสำหรับทารกวัยแรกเกิดว่า…

ตามปกตินั้น ทารกช่วงวัยแรกเกิดจะมีความจุกระเพาะอาหารได้ประมาณ 5 ซีซี

ซึ่งการที่คุณย่านำกล้วยน้ำว้าสุกประมาณครึ่งใบมาครูด แล้วกล่าวว่าเป็นสูตรการเลี้ยงของคุณย่า และเป็นตำรับการเลี้ยงแบบโบราณ จากการคำนวณที่คุณย่ากล่าวว่า ประมาณ 1/4 ของช้อนกินข้าว (ช้อนกินข้าวมีขนาดประมาณ 15 ซีซี) แปลว่าเด็กทารกวัย 4 วันคนนี้ จะต้องได้รับกล้วยเข้าไปประมาณ 3-4 ซีซี จากปริมาณความจุของกระเพาะอาหารของเด็กทารกแรกเกิดคือ 5 ซีซี นั่นหมายความว่าเด็กคนดังกล่าว ได้รับประทานกล้วยไปแล้วจนเกือบจะเต็มกระเพาะ และนี่คือปริมาณที่เรียกว่าไม่ใช่น้อยแล้ว

ป้าหมอยังให้ข้อมูลความรู้เพิ่มเติมอีกด้วยว่า ปกติกระเพาะของทารกแรกเกิดนั้นจะไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อให้สามารถย่อยอาหารอื่นนอกจากนมได้ ซึ่งความเชื่อแบบโบราณที่คิดกันเองว่าเด็กที่กินของหนักจะทำให้หลับยาวนั้นเป็นความหวังที่ผิดและไม่ถูกต้อง เนื่องจากเด็กแรกเกิดควรจะต้องตื่นขึ้นมาเพื่อดูดนมแม่บ่อยครั้ง เพื่อกระตุ้นให้แม่นั้นผลิตน้ำนมได้ดีอีกด้วย

สำหรับคำกล่าวว่าการกินกล้วยสุก จะมีสารที่เป็นเมือกเข้าไปเคลือบลำไส้และกระเพาะให้แข็งแรงนั้น ถือว่าเป็นการบิดเบือนความเป็นจริง ซึ่งตามความเป็นจริงนั้นนมของแม่เพียงอย่างเดียวที่สามารถเคลือบลำไส้และช่วยให้ลูกมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้

มะละกอแก้ท้องผูก

หากใครมีอาการอึดอัดเกี่ยวกับอาการท้องผูก ถือเป็นโรคยิดฮิตที่สุดสำหรับคนไทยสำหรับบุคคลที่ไม่ชอบการทานผัก ผลไม้ หรืออาหารที่มีกากใย ทำให้ระบบขับถ่ายไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ที่มีอาการท้องผูกส่วนใหญ่จะทานแต่อาหารที่มีไขมันและแป้ง เพราะอาหารแบบนี้ปราศจากไฟเบอร์ ทำให้เกิดอาการท้องผูกและเกิดผลเสียต่อร่างกายที่ไม่สามารถขจัดสารพิษออกไปจากร่างกายได้ หากใครพบปัญหาเหล่านี้ขอแนะนำผลไม้อย่างมะละกอไปรับประทานเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

มะละกอ เป็นผลไม้ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีที่สามารถหารับประทานได้ง่าย สามารถช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี แต่มะละกอมีสรรพคุณที่มีประโยชน์มากกว่านั้น ดังนี้

1. ขับถ่ายสะดวกขึ้น มะละกอมีสรรพคุณในเรื่องของการขับถ่ายทำงานได้ดี เพราะในมะละกอมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆซึ่งสามารถบรรเทาอาการท้องผูกได้ ขับถ่ายง่าย ลดพุง สลายไขมันได้ดี
2. ความจำดี มะละกอมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงสมองและเสริมสร้างความจำ เหมาะสำหรับวัยที่ต้องอาศัยการทำงานของสมอง หากทานมะละกอเข้าไปจะทำให้สมองปลอดโปร่งลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์
3. บำรุงผิว มะละกอช่วยบำรุงหัวใจ เพราะช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันอุดตันในเส้นเลือด หากทานมะละกอควบคู่ไปกับการรักษาจะช่วยให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจมีอาการดีขึ้น
4. ต้านโรคมะเร็ง มะละกอมีสรรพคุณช่วยต้านมะเร็ง เนื่องจากในมะละกอมีสารไลโคปีนที่สามารถช่วยต้านมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก จึงทำให้การนำเมล็ดของมะละกอมาทำเป็นยารักษาอาการโรคมะเร็ง
5. ลดความอ้วน เนื่องจากมะละกอเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

มะละกอมีสารสำคัญที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคได้ เพราะในมะละกอมีสารอาหารที่ประกอบไปด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส โดยสารอหารเหล่านี้เป็นสารที่มีความจำเป็นของร่างกายซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของร่างกายสำหรับทำกิจกรรมและเสริมสร้างการเจริญเติบโตในส่วนของกระดูกและฟันให้เกิดสุขภาพดี จึงถือว่ามะละกอมีประโยชน์มากมายหลายประการ และลดการเกิดโรคได้หลายชนิด

THAI 5 DENTAL

Contact
thai5dental.com

Copyright © 2023 THAI 5 DENTAL